เมนู
  • หน้าหลัก
  • ข่าว
    • การประชุม
    • ชนิดพันธุ์ใหม่
    • สาระน่ารู้
  • วิดีโอกิจกรรม
  • นโยบาย
    • นโยบายป่าไม้แห่งชาติ
    • ยุทธศาสตร์
    • คณะกรรมการ
  • กฎหมาย
  • อนุสัญญา
    • อนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ
    • โปรแกรมงานความหลากหลายทางชีวภาพป่าไม้
    • การเข้าถึงและแบ่งปันผลประโยชน์
  • พื้นที่ป่าไม้
    • ป่าสงวนแห่งชาติ
    • ป่าชุมชน
    • ป่าปลูก
    • ป่าอื่นๆ
  • สถานะความหลากหลาย
    • กลุ่มพืช
    • กลุ่มสัตว์และแมลง
    • กลุ่มจุลินทรีย์ เห็ดรา และไลเคน
  • ภูมิปัญญาด้านป่าไม้
    • คติความเชื่อ
    • ประเพณีพิธีกรรม
    • โภชนาการพื้นบ้านและการดำรงชีวิต
    • การดูแลสุขภาพพื้นบ้าน
    • เทคโนโลยีพื้นบ้าน
    • การจัดชุมชนและทรัพยากรฯ
  • การอนุรักษ์
  • การจัดการป่าไม้
    • ศูนย์เรียนรู้ความหลากหลาย
    • การท่องเที่ยว
  • เครือข่าย
  • ความร่วมมือระหว่างประเทศ
  • เสริมสร้างสมรรถนะ
    • การฝึกอบรม
    • นักอนุกรมวิธานน้อย
  • เอกสารเผยแพร่
  • ทำเนียบผู้เชี่ยวชาญ
  • หน่วยงานและองค์กร
  • เกี่ยวกับเรา
กลไกการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารความหลากหลายทางชีวภาพ กรมป่าไม้
« “เต่านาอีสาน-ค้างคาวมงกุฎภูเขา” สิ่งมีชีวิตใหม่ 115 ชนิดในลุ่มแม่น้ำโขง
‘วันพื้นที่ชุ่มน้ำโลก’ ยกระดับคุณค่าระบบนิเวศ เขย่าจีน-อังกฤษ ก่อนสูญสิ้นความหลากหลาย »

นักวิจัยม.เกษตร พบ ‘ช้างงาเอก’ พืชชนิดใหม่ของโลก

……….ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ฉัตรชัย เงินแสงสรวย อาจารย์ประจำภาควิชาพฤกษศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ค้นพบ “ช้างงาเอก” พืชชนิดใหม่ของโลก เป็นพืชเป็นไม้พุ่มสูง 1-2 ม. กิ่งเรียงตรงข้ามสลับตั้งฉาก เป็นสี่เหลี่ยม เปลือกเรียบ เมื่ออ่อนสีเขียว เมื่อแก่สีน้ำตาลเข้ม มักมีช่องอากาศ เปลือกชั้นในสีเหลืองอ่อน ส่วนต่างๆ มียางสีขาว แล้วเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอ่อน ตายอดอยู่ในซอกก้านใบที่ปลายกิ่ง
……….ใบเดี่ยว เรียงตรงข้ามสลับตั้งฉาก รูปใบหอกแกมรูปไข่ รูปไข่หรือรูปรี ปลายเรียวแหลมหรือแหลม แข็ง โคนเว้ากึ่งรูปหัวใจ ขอบเรียบและเป็นคลื่นเล็กน้อย หนา แผ่นใบหนาคล้ายแผ่นหนัง ช่วงปลายพับหากันรูปคล้ายอักษรวี มักบิดและโค้งลง ด้านบนสีเขียวเข้มเป็นมัน ด้านล่างสีเขียวอ่อน เกลี้ยงทั้ง 2 ด้าน เส้นกลางใบเป็นร่องตื้นทางด้านบน เป็นสันนูนทางด้านล่าง เส้นแขนงใบข้างละ 12-20 เส้น ปลายโค้งจดกับเส้นถัดไปใกล้ขอบใบเป็นเส้นขอบใน เส้นใบย่อยแบบร่างแห เห็นชัดทั้ง 2 ด้าน ก้านใบยาว 0.2-1 ซม. มีรอยย่นตามขวาง ใบอ่อนสีแดง มีรสเปรี้ยว
……….ดอกแยกเพศต่างต้น ช่อดอกแบบช่อกระจุกสั้น ออกตามซอกใบที่ปลายกิ่งหรือตามซอกใบที่ใบร่วงแล้ว ดอกตูมมีกลีบเลี้ยงสีชมพูหรือสีชมพูอมเหลืองอ่อน ดอกบานสีเหลืองอ่อนหรือสีนวล เส้นผ่านศูนย์กลาง 0.8-1 ซม. ก้านดอกสั้น ใบประดับรูปสามเหลี่ยมแคบหรือรูปสามเหลี่ยม กว้าง 1.5-2.5 มม. ยาว 0.2-1 ซม. ค่อนข้างหนา กลีบเลี้ยงและกลีบดอกอย่างละ 4 กลีบ เรียงตรงข้ามสลับตั้งฉาก ค่อนข้างหนา กลีบเลี้ยงรูปไข่กลับหรือรูปรี กว้าง 2.5-3.5 มม. ยาว 3-6 มม. เป็นแอ่ง กลีบดอกรูปไข่กลับ กว้าง 3.5-7 มม. ยาว 5.5-8.5 มม. ปลายมนกลม โค้งออกทางด้านนอก ดอกเพศผู้มีเกสรเพศผู้จำนวนมาก เชื่อมติดกันเป็น 4 กลุ่ม (รวมกันเป็นกลุ่มเค้าโครงรูปสี่เหลี่ยม) ก้านชูอับเรณูสั้น โคนเชื่อมติดกัน ปลายแยก อับเรณูสั้น มี 2 พู รังไข่อยู่เหนือวงกลีบ รูปทรงกลมแป้น เส้นผ่านศูนย์กลาง 2.3 มม. ยาว 1.5-2 มม. มี 4-6 พู มี 4-6 ช่อง แต่ละช่องมีออวุล 1 เม็ด ก้านยอดเกสรเพศเมียสั้นและหนา ยอดเกสรเพศเมียรูปครึ่งวงกลม เส้นผ่านศูนย์กลาง 2.5-3.5 มม. ยาว 1.5-2 มม. มีปุ่มเล็ก
……….ผลมีเนื้อหนึ่งถึงหลายเมล็ด รูปทรงกลมแป้น เส้นผ่านศูนย์กลาง 1-2 ซม. ยาว 5-7 มม. มี 4-6 พู เห็นชัด ผลดิบสีเขียว มีจุดสีขาว ผลสุกสีแดง เกลี้ยง เป็นมัน มีกลีบเลี้ยงติดทน ยอดเกสรเพศเมียติดทน แบน รูปวงกลม เป็นแฉกตามรัศมีหรือไม่เป็นแฉก เมล็ด 4-6 เมล็ด เปลือกเมล็ดมีเยื่อหุ้ม อาจมีเมล็ดฝ่อ
……….“ช้างงาเอก” กระจายพันธุ์ในประเทศทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดบึงกาฬ และจังหวัดนครพนม พบตามป่าดิบแล้งและชายป่าดิบแล้ง ที่สูงจากระดับน้ำทะเล 150-220 ม. ออกดอกเดือนกรกฎาคมถึงธันวาคม มักเป็นผลเดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายน ในต่างประเทศคาดว่าพบที่ลาว ช้างงาเอกมีกลุ่มประชากรขนาดเล็ก ชาวบ้านใช้รากเป็นพืชสมุนไพร นำไปดองเหล้า มีความเชื่อว่าเป็นยาบำรุงกำลัง เป็นสาเหตุทำให้จำนวนประชากรลดลง จึงจัดอยู่ในสถานภาพพืชมีแนวโน้มใกล้สูญพันธุ์
ที่มา : http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/786163

This entry was posted on Tuesday, January 9th, 2018 at 4:29 am

Copyright 2010, Forest Biodiversity Division. All rights reserved.

Entries (RSS)